ทุเรียนสาลิกาพังงามาแรง วิสาหกิจกะปงเร่งขยายพันธุ์

ทุเรียนพันธุ์สาลิกา ภาษาถิ่นเรียกว่า ทุเรียนสากา มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จนเป็นที่กล่าวขาน “มาพังงาแล้วไม่ได้ชิมทุเรียนสากา เหมือนมาไม่ถึงเมืองพังงา”
พนธ์ สุขสะอาด เกษตรจังหวัดพังงา เผยว่า หลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนทุเรียนจีไอ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อปลายปี 2561 ทำให้ทุเรียน สาลิกาเป็นที่ต้องการของตลาดมาก วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะพันธุ์ทุเรียนและพันธุ์พืช พื้นบ้าน บ้านกะปง อ.กะปง จ.พังงา จึงเร่งทำการขยายพันธุ์ออกจำหน่าย ทั้งการเพาะเมล็ด การตอน การติดตา ทาบกิ่งและการเสียบยอด

แต่กล้าพันธุ์ให้ผลผลิตดีที่สุด เกษตรจังหวัดพังงาแนะให้เลือกต้นพันธุ์ที่มาจากการเสียบยอด หรือเสียบข้าง เพราะปลูกด้วยเมล็ดมักจะเกิดการกลายพันธุ์ อีกทั้งวิธีการนี้มีข้อดีทำให้ได้ต้นทุเรียนที่มียอดพันธุ์ดีตามความต้องการ ให้ผลผลิตเร็ว มีรากแก้วช่วยค้ำยันลำต้น

และเมื่อปลูกทุเรียนสาลิกาได้ 5 ปี จะเริ่มให้ผลผลิตเป็นครั้งแรก การดูแลรักษาที่ง่ายและให้ผลผลิตเร็ว หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นแรก ควรบำรุงรักษาต้นทุเรียนให้พร้อมที่จะให้ผลผลิตในปีถัดมา ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 4-5 กก.ต่อต้น ทุเรียนพันธุ์สาลิกาจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม และให้ผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของทุกปี ถ้าสภาพอากาศปกติ โดยทุเรียนสาลิกาอายุ 20 ปีขึ้นไป 1 ไร่ (25 ต้น) สามารถให้ผลผลิตได้ 1 ตัน

ส่วนการกำจัดวัชพืชในสวนทุเรียนสาลิกา นายนิพนธ์ บอกว่า ไม่ควรใช้สารเคมีฆ่าหญ้า เพราะจะทำให้มีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำลายจุลินทรีย์ในดินให้ตาย และส่งผลให้เกิดโรครากเน่า โคนเน่า ทำลายต้นทุเรียน ควรใช้การตัดหญ้าด้วยมือ จะเป็นการลดต้นทุนและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาโรคระบาด

และการสำรวจตลาดราคาทุเรียนพันธุ์สาลิกา ขณะนี้ราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 200-300 บาท มีพ่อค้าไปรับซื้อถึงสวนของเกษตรกร และมีการสั่งจองผลผลิตล่วงหน้า นำไปวางขายตามแผงริมถนนสายหลัก เนื่องจากผลผลิต ที่ออกมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น